Profile

E-mail : bboat.321@gmail.com , Facebook : www.facebook.com/boatcool

20 มกราคม 2554

สังคีตกวีของไทย

1.ครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ สาขาดนตรีไทย ประจำปี พ.ศ.2528


                มนตรี ตราโมท มีนามเดิมว่า บุญธรรม เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2443  เริ่มเรียนดนตรีปี่พาทย์ กับครูสมบุญ นักฆ้อง ต่อมาเรียนระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่ แคลริเนต และหลักการแต่งเพลง กับครูสมบุญ สมสุวรรณ เรียนวิธีการแต่งเพลงกับพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสามศัพท์) และหลวงประดิษฐ์ไพเราะ(ศร ศิลปบรรเลง) และครูดนตรีไทยที่มีชื่อเสียงหลายท่าน รวมทั้งเรียนโน้ตสากลกับพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยกร) จนสามารถอ่านและเขียนได้เป็นอย่างดี
               มนตรี ตราโมท รับราชการที่กรมพิณพาทย์หลวงในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นผู้บรรเลงระนาดทุ้มประจำวงข้าหลวงเดิม ต่อมาย้ายไปสังกัดกรมศิลปากร จนเกษียณอายุ  และยังคงปฏิบัติราชการในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทยจนถึงแก่อนิจกรรม
               มนตรี ตราโมท  มีฝีมือทางการบรรเลงเครื่งดนตรีไทยได้หลายชนิด ที่ได้รับยกย่องพิเศษ คือ ระนาดทุ้ม ได้แต่งเพลงไว้เป็นจำนวนมาก ประเภทเพลง 3 ชั้นเช่น เพลงต้อยตลิ่ง (แต่งร่วมกับหมื่นประคมเพลงประสาน) เพลงเทพไสยาสน์ เพลงจะเข้หางยาว ฯลฯ  แต่งตำราทางวิชาการดนตรีไทยไว้ เช่น ดุริยางคศาสตร์ไทย ภาควิชาการ ศัพท์สังคีต ประวัติบทเพลงต่างๆ และบทความทางประวัติการดนตรีไทยจำนวนมาก  นอกจากนั้น ยังได้สอนดนตรีและเป็นผู้บรรยายพิเศษแก่สถาบันต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และมหาวิทยาลัยศิลปากร
             ครูมนตรี ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ พ.ศ.2523 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อพ.ศ.2524 และมหาวิทยาลัยศณีนครินทรวิโรฒ เมื่อพ.ศ.2526  ครูมนตรีได้รับพระราชทานโล่ห์เกียรติยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะนักดนตรีตัวอย่าง เมื่อพ.ศ.2524 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตนักศิลปกรรม ประเภทวิจิตรศลป์ สาขาดุริยางคศิลป์ เมื่อพ.ศ. 2524 และได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาดนตรีไทย ประจำปีพ.ศ.2528




2.บุญยงค์ เกตุคง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ดนตรีไทย)ประจำปี พ.ศ.2531


     ครูบุญยงค์ เป็นบุตรชายคนโตของนายเที่ยงและนางเขียน เกตุคง เกิดเมื่อวันอังคาร เดือน 4ปีวอก พ.ศ.2463 ที่ตำบลวัดสิงห์เป็นหลานปู่หลานย่าของนายใจและนางเพียร ชาวสวนตำบลดาวคนอง เป็นหลานตาหลานยายของนายเปี่ยมและนางภู่ ศรีประเสริฐ ตากับยายและแม่เป็นคนอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มีน้องชาย 2 คนชื่อบุญยังและทองอยู่ มีน้องสาว 1 คนชื่อเบญจางค์ น้องชายที่ชื่อบุญยังเป็นนักดนตรีฝีมือดี ครูมีภรรยาซึ่งเป็นน้องสาวครูชื้น ดุริยประณีตแต่ไม่มีบุตรด้วยกัน
     ครูได้ศึกษาดนตรีกับนักดนตรีที่มีชื่อเสียงหลายท่านเช่น ครูหรั่ง พุ่มทองสุข ครูประสิทธิ์ เกตุคง ครูเพชร จรรย์นาค ครูสอน วงฆ้อง ครูเทวาประสิทธิ์   พาทยโกศล ครูพุ่ม บาปุยะวาส เป็นต้น จนมีความสามารถในการบรรเลงปี่พาทย์ได้ทุกประเภท ทั้งประกอบการแสดงโขน ละคร ลิเก จนถึงการประชันวงปี่พาทย์   นอกจากนั้นครูได้รับยกย่องสรรเสริญว่าเป็นระนาดเทวดาเพราะมีฝีมือบรรเลงระนาดเอกได้ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในยุคสมัยเดียวกัน
     ประวัติการทำงาน ครูได้เข้ารับราชการในกรมประชาสัมพันธ์ประมาณ 5 – 6 ปี จากนั้นเข้าเป็นนักดนตรีประจำอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหมอยู่ประมาณ 5 ปี จากนั้นเข้าเป็นนักดนตรีประจำวงดนตรีไทยของสำนักงานกรุงเทพมหานคร จนเกษียณอายุเมื่อ ปีพ.ศ.2525
     ผลงานทางด้านการแต่งเพลงของครูมีมากหลายเพลงอาทิ โหมโรงสามสถาบัน โหมโรงจุฬามณี โหมโรงสามจีน เพลงเงี้ยวรำลึกเถา เพลงเริงพลเถา เพลงศรีธรรมราชเถา เพลงชเวดากองเถา เพลงพิรุณสร่างฟ้าเถา เพลงเพชรน้อยเถา เป็นต้น และยังแต่งทางเดี่ยวสำหรับเพลงต่างๆและเครื่องดนตรีต่างๆอีกเป็นอันมาก   ผลงานการแต่งเพลงของครูในระยะหลัง มีชื่อเสียงแพร่หลายไปถึงต่างประเทศคือไปร่วมงานกับนายบรู๊ซ แกสตัน นักดนตรีชาวเยอรมันจัดทำเพลงชุดเจ้าพระยาคอนแชร์โต้บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีไทยผสมเครื่องดนตรีฝรั่งเป็น ที่นิยมชมชอบกันโดยทั่วไป นอกจากนั้นท่านยังได้รับการยอมรับนับถือจาก เซอร์ ไซมอน แรทเทิล (Sir Simon Rattle [1955]) วาทยากรชาวอังกฤษ (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งวาทยากรหลักของวงเบอร์ลินฟิลฮาร์โมนิคออร์เคสตรา) ในฐานะครูผู้ใหญ่อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า ครูบุญยงค์ เกตุคงเป็นอัจฉริยบุคคลทางดนตรีของไทยอีกผู้หนึ่งซึ่งยากจะหาผู้ใดเสมอ เหมือน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2532 ครูได้เข้ารับพระราชทานโล่และเข็มเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย)ประจำปี 2531 นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงส่งในชีวิตที่ครูได้รับ
     ครูบุญยงค์ เกตุคง ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2539 สิริรวมอายุได้ 76 ปี




3.พระประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) 


   
หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร  ศิลปบรรเลง) เกิดเมื่อปี พ.ศ.2424 ที่บ้านคลองดาวดึงส์ อำเภอเมือง สมุทรสงคราม เล่นดนตรีได้ตั้งแต่อายุห้าขวบ เครื่องดนตรีชิ้นแรกคือฆ้องวง เริ่มเล่นดนตรีแท้จริงกับบิดาเมื่ออายุได้สิบเอ็ดขวบ มีชื่อเสียงโด่งดังว่าเป็นมือระนาดที่ดี หาตัวจับยาก ต่อมาได้ตีประชันฆ้องวง จนมีชื่อเสียงโด่งดังในกรุงเทพ ฯ
          
ครั้งหนึ่งได้ตีระนาดถวายสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เพียงตีเพลงโหมโรงอัยเรศไม่ทันจบ ก็ได้รับการชมเชย และได้รับของพระราชทานเป็นฉลองพระองค์แพร ต่อมาเมื่อได้เดี่ยวเพลงกราวถวาย จึงได้รับแหวนเพชรเป็นรางวัลและได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นั้น ในที่สุดได ้ตำแหน่งจางวางมหาดเล็กในพระองค์
          
ต่อมาได้รับสั่งให้ประชันวงกับนักระนาดมือเอกในสมัยนั้น ทำให้เกิดเพลงกราวในทางฝันขึ้น (ฝันว่าครูเทวดามาต่อเพลงให้) เมื่อตีประชันกันก็ชนะในฝีมืออย่างเด็ดขาด ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังจนชื่อ จางวางศร ติดปากผู้คนทั่วไป
          
ผลงานสำคัญในด้านต่าง ๆ ของหลวงประดิษฐ์ไพเราะ มีดังนี้
               1
. ประดิษฐ์วิธีบรรเลงดนตรีขึ้นใหม่ เป็นทางหวานเรียกทางนี้ว่า ทางกรอ
               2
. ในเพลงเขมรเลียบพระนคร สามชั้น ซึ่งขยายจากเขมรเขาเขียวสองชั้น เมื่อปี พ.ศ.2458
               3
. เป็นต้นเพลงทางเปลี่ยนคือ เพลงเดียวกัน แต่บรรเลงให้ซ้ำกันแต่ละเที่ยว ได้บรรเลงครั้งแรกในงานพิธีเปิดประตูน้ำท่าหลวง (สระบุรี) หลังจากนั้นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงประดิษฐ์ไพเราะ เมื่อปี พ.ศ.2451
               4
. คิดโน๊ตตัวเลขสำหรับเครื่องดนตรีไทยขึ้น จนได้ปรับปรุงใช้กันมาจนทุกวันนี้ นอกจากนั้นยังได้ประดิษฐ์เพลงที่มีท่อนนำขึ้นด้วย
               5
. เป็นผู้นำเครื่องดนตรีชวามาเมืองไทยคือ อังกะลุง และได้แก้ไขจนเป็นแบบไทย นอกจากนั้นยังได้นำเพลงแบบชวามาดัดแปลงเป็นเพลงไทย ซึ่งได้นำมาบรรเลงกันโดยทั่วไป
               6
.  เป็นครูสอนดนตรีไทยในราชสำนักกัมพูชา และได้นำเพลงเขมรมาทำเป็นเพลงไทยหลายเพลง เช่น เพลงนำเขาขะแมร์ ขะแมกอฮอม แดละขะแมชม เป็นต้น
               7
. เป็นต้นตำรับการบรรเลงดนตรีไทย โดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้วางแผนการตีระนาด สีซอ และอื่น ๆ ไว้ด้วยวิธีพิสดาร
               8
.  ริเริ่มการเดี่ยวระนาดสองราง ด้วยลีลาที่เหมาะสม
               9
.  เป็นต้นตำรับการบรรเลงและแต่งเพลงสี่ชั้น
          
บทเพลงบางเพลงที่หลวงประดิษฐ์ไพเราะแต่งไว้ได้แก่ เขมรปากท่อ เขมรพวงเถา เขมรราชบุรีสามชั้น เขมรเลียบพระนคร แขกสาหร่ายเถา นกเขาขะแมร์เถา ใบ้คลั่งสามชั้น ลาวเสี่ยงเทียนเถา กระแตไต่ไม้โหมโรง บูเซ็นซ๊อก ปฐมดุสิตโหมโรง ม้าสะบัดกีบโหมโรง ม้ารำ ครวญหาเถา ครุ่นคิดเถา แขกขาวเถา ขอมทองเถา ทะยอยนอกเถา นาคราชเถา แสนคำนึงเถา เหราเล่นน้ำเถา และขะแมร์กอฮอมตับ หลวงประดิษฐ์ไพเราะถึงแก่กรรม เมื่อปี พ.ศ.2497 เมื่ออายุได้ 75 ปี


1 ความคิดเห็น: